(ดราม่า) ข้อความที่โพสต์โดย James Whittaker อดีตพนักงานของ Google กล่าวว่า “ช่วงสามเดือนสุดท้ายของการทำงานของผมที่ Google มันคือความสิ้นหวังอย่างรุนแรง” Whittaker หัวหน้าทีมวิศวกรที่ดูแล Google+ “บริษัท Google ที่ผมเคยหลงใหลในความเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่กระตุ้นให้พนักงานสร้างนวตกรรม แต่ Google ที่ผมก้าวออกมาคือ บริษัทที่มุ่งเน้นเรื่องของโฆษณาเพียงอย่างเดียว” Whittaker เข้าร่วมงานกับ Google ในปี 2009 และออกจากบริษัทเมื่อเดือนที่แล้ว โดยเขาได้อธิบายถึงวัฒนธรรมบริษัทว่ามี 2 ยุคคือ ยุคก่อน และหลัง Google+ ซึ่งความเห็นของเขาชัดเจนว่า ยุคหลังการเกิด Google+ เป็นอะไรที่แย่มาก ๆ
ใน อดีต Google จะให้วิศวกรของบริษัทมีเวลา และทรัพยากรในการสร้างสรรค์นวตกรรม ซึ่งผลจากการทดลองสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ด้วยช่วงเวลาที่บริษัทอนุญาตได้สร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์กับผู้ใช้ทั่ว โลกแล้่ว อย่างเช่น Chrome และ Gmail แต่ Google ก็ยังพ่ายในสมรภูมิโซเชียลเน็ตเวิร์กนั่นคือ “การต่อกรกับ Facebook” ซึ่งถูกจัดลำดับความสำคัญเป็นอันดับ 1 เมื่อ Larry Page ขึ้นสู่ตำแหน่งซีอีโอของบริษัท ผลลัพธ์คือ สิ่งใดที่ไม่สนับสนุน Google+ สิ่งนั้นจะถูกมองว่า บั่นทอนต่ออนาคตของบริษัท การยกเลิกนโยบายให้เวลา 20% กับพนักงานที่มีไอเดียนวัตกรรมสร้างสรรค์โปรเจ็กต์ทำให้จิตวิญญาณของการเป็น ผู้ประกอบการของพนักงานในการที่จะผลักดันให้ Google ก้าวหน้าลดน้อยถอยไป
Whittaker ไม่ใช่อดีตพนักงานของ Google คนแรกที่แสดงความรู้สึกไม่พอใจในวัฒนธรรมใหม่ของบริษัท แต่พนักงานระดับบริหารหลายๆ คนที่ลาออกจาก Google ต่างก็บ่นในเรื่องเกี่ยวกับการลดทอนความรู้สึก และจิตวิญญาณของผู้บุกเบิกธุรกิจของบริษัทที่น้อยลงไปทุกวัน โดยมันถูกแทนที่ด้วยการเติบโตเต็มที่ และไม่สนใจอะไรนอกจากเป้าหมายขั้นต่ำของตัวเลขทางธุรกิจ (กำไร) ที่ต้องทำได้ ประเด็นที่ทำให้เป็นข่าวคือ Whittaker ไม่ได้โพสต์เรื่องดังกล่าวในบล็อกส่วนตัว แต่เป็นบล็อกที่เป็นทางการของ Microsoft ซึ่งตัวแทนของทั้งสองบริษัทปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าว
ที่มา : arip.co.th/news.php?id=415016
ความเห็นของข้าพเจ้า : เหตุผลที่ Google ถึงต้องวิ่งลงสนาม Social ยอมตามตูด Facebook ต้อย ๆ ก็เพราะปุ่ม Like นี่แหละ (ไม่รู้พี่มาร์คคิดขึ้นมาได้ไง) มันเป็นตัววัดความสำคัญของหน้าโดยผู้ใช้ ซึ่งโดยปกติอันดับใน Google มักจะถูกจัดลำดับความสำคัญโดยคนทำเว็บหรือเรื่องของ Link นั่นเอง และสิ่งที่ Google ตระหนักและให้ความสำคัญที่สุดก็คือ User Experience นั่นคือผลการค้นหาที่ดีที่สุดควรจะมาจากทั้งผู้ใช้และคนทำเว็บ จริงไหมครับ ที่สำคัญ Facebook ไม่ยอมจับมือกับ Google ซะด้วยสิ Google จึงต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งใหญ่ ท้ายที่สุดแล้ว เป้าหมายของสองยักษ์ใหญ่ นั้นมุ่งมั่นให้ผู้ใช้ได้ใช้บริการที่ดีที่สุดจากการแข่งขันในตลาด หรือ โมเดลการทำเงินโฆษณาคลาสสิคแบบ PPC ที่ทำเงินก้อนโตให้ทั้งสองยักษ์กันแน่ … ที่มันหอมหวนกว่ากัน