“ปัญญา” ของเด็กสิบขวบ…เรียนวิชาที่ยากที่สุดในโลก จากนาแปลงเดียว

punya2

เราพูดว่า “ชาวนามีปัญญาทำนาเป็นอาชีพ” ไม่ใช่ เพียงแค่รู้ หรือ อ่านมา แต่มี “ปัญญา” เพราะปัญญา หมายถึง การเรียนรู้ คิดวิเคราะห์ และปฏิบัติ โดยคนเราไม่จำเป็นต้องสอบผ่านเพื่อที่จะมีปัญญา แต่ปัญญาเกิดจากการเดินตามหลักการทางพุทธศาสนาที่แสนจะธรรมดา และเรียบง่าย

ในอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โรงเรียนวิถีพุทธ ชื่อโรงเรียน ปัญญาเด่น ตั้งอยู่อย่างสงบ ท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบ มีอาคารเรียนทำจากดินเหนียวมุงจาก แปลกตาด้วยดีไซน์เรียบง่ายแต่ล้ำสมัย นักเรียนมาจากหลากหลายชาติ เรียน และทำกิจกรรมร่วมกันอย่างสนุกสนาน ในสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติและเอื้อต่อการเรียนรู้ มีพื้นที่ให้วิ่งเล่นอย่างเต็มที่

อาจจะฟังดูเหมือนว่าโรงเรียนนี้ก็เป็นเหมือนกับโรงเรียนทางเลือกที่เปิดกันมากมาย ในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา แต่โรงเรียนปัญญาเด่นมีจุดเด่น ตรงที่ใช้หลักสูตรแบบบูรณาการ ควบคู่กับแนวคิดวิถีพุทธ เช่น การรู้จักประมาณตน รวมทั้งการสร้างระเบียบวินัย ที่จะทำให้เด็กเกิด ทักษะในการคิดวิเคราะห์ และสามัญสำนึก (common sense) ที่ดีตั้งแต่วัยเยาว์ ซึ่งสามัญสำนึก เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้เด็กๆมีทักษะในการเรียนรู้ที่ดี ไม่ว่าจะอยู่ในโรงเรียนหรือสถานการณ์ใดๆ

เด็ก ๆ ชั้นประถมของที่นี่มีวิธีเรียนรู้ที่ต่างออกไปจากโรงเรียนกระแสหลักซึ่งมุ่งเน้นการสอบมากกว่าการปฏิบัติจริง ที่โรงเรียนปัญญาเด่น เด็ก ๆ จะได้ลงไปเหยียบท้องนาอย่างไม่ขัดเขิน  เรียนรู้วิชาเลขจากการนับจำนวนต้นกล้า ศึกษาการเจริญเติบโต และวงจรชีวิตของต้นข้าวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิชาวิทยาศาสตร์ รวมถึงการปลูก เกี่ยว สี หุง คดข้าวใส่จาน ด้วยตัวเองทั้งหมด การเรียนรู้เช่นนี้ ให้ผลลึกซึ้งกว่าการเรียนในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้หลักธรรมจากคุณธรรม 12 ประการ (12 Wise Habits) อย่างเช่น  การสำรวมร่างกาย การมีสติ การมีขันติ (ความอดทน) การมีวิริยะ (ความเพียร) การมีสมาธิ และการคิดเป็น

punya1
เพียงแค่กิจกรรมการทำนา ก็ทำให้เด็กประถมได้เรียนวิชาที่หลากหลาย ทั้งคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ พละศึกษาไปพร้อมๆกัน ที่สำคัญที่สุด คือ พวกเขายังได้เรียนรู้ที่จะเคารพในอาชีพเกษตรกร และ รู้ซึ้งถึงคุณค่าของธรรมชาติ … วิชาจริยธรรม และสามัญสำนึกนี่เอง คือสิ่งที่สอนกันได้ยากที่สุดในโลก

เราบ่นเรื่องระบบการศึกษาไทยที่ล้มเหลว แต่ก็ยังส่งลูกหลานเข้าไปเรียนในโรงเรียนที่อยู่ในระบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เด็กประถมที่สอบผ่าน พาตัวเองไปตามระบบที่คัดเลือกเด็กผ่านตะแกรงหยาบๆที่ดูถูกศักยภาพของมนุษย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และจบลงที่อาชีพที่ทำได้ แต่ไม่ชอบ และไม่มีความหลงใหลในงานของตัวเอง

โรงเรียนทางเลือกอาจไม่ใช่ทางเลือกของเรา แต่เรามีทางเลือกเสมอ…เราสามารถเลือกได้ว่าอยากให้ลูกเราเรียนเก่ง หรือ ใช้ชีวิตเก่ง เราเลือกได้ว่าจะชื่นชมในความดีที่มีอยู่ หรือเปรียบเทียบอย่างไม่เกิดประโยชน์…แต่ไม่ว่าอย่างไร การตัดสินใจก็เป็นของเราเสมอ

ขอบคุณที่มา : kapook.com